วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

กรุณาส่งถึงคนทั้งประเทศด่วนที่สุด... เพราะกรณี “ธรรมกายโมเดล” อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ ที่ทำให้คนทั้งประเทศถูกลิดรอนสิทธิมนุษยชน !!!

“ธรรมกายโมเดล” ส่งผลกระทบต่อคนทั้งแผ่นดิน

กรุณาส่งถึงคนทั้งประเทศด่วนที่สุด...
เพราะกรณี “ธรรมกายโมเดล” อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ ที่ทำให้คนทั้งประเทศถูกลิดรอนสิทธิมนุษยชน !!!



 
นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป...

เรื่องของพระธัมมชโยและวัดพระธรรมกายไม่ใช่แค่เรื่องของคนรักหรือเกลียดวัดเท่านั้น เพราะถ้าล้มวัดได้ นั่นหมายถึงคนทั้งชาติจะถูกลิดรอนสิทธิ์มนุษยชนไปด้วยหรือไม่ ?

จากเมื่อวาน ผมถูกกระตุ้นความคิดอีกครั้งจากข้อความของ อั้ม อิราวัต อารีกิจ อดีตนักร้องค่าย RS 
 


ผมก็เลยไปนั่งคุยกับนักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนคนหนึ่งเกี่ยวกับกรณีของพระธัมมชโย ทำให้ผมพบความผิดปกติหลายอย่างในขั้นตอนการดำเนินคดี ซึ่งผมขอเอามาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นกรณีศึกษา เพราะไม่ช้าก็เร็วผลกระทบของเรื่องนี้ อาจเกี่ยวข้องกับตัวคุณเข้าสักวัน !!!

ช่วงนี้จะเห็นว่ากระแสทางการเมืองเข้ามามีอิทธิพลสูงถึงขั้นลุกลามไปสู่สถาบันสงฆ์ จนเกิดการเดินเกมล้มสมเด็จช่วง วัดปากน้ำ ซึ่งถ้าสามารถทำให้ท่านไม่ได้เป็นสังฆราชสำเร็จ ผมว่า..ระบบความยุติธรรม ความเป็นประชาธิปไตย และสิทธิมนุษยชนที่เราพึงได้รับ ก็แทบจะหายไปจากแผ่นดินนี้แล้วครับ เพราะหากล้มสมเด็จช่วง ซึ่งเป็นถึงผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชได้ แล้วยังล้มวัดพระธรรมกายได้อีก  พระรูปอื่นๆ ก็คงไม่เหลือแล้ว เพียงแค่รอเวลาว่า..พระรูปใด..กำลังจะเป็นรายต่อไปเท่านั้นเอง !!!

ก่อนที่ผมจะเฉลยว่า กรณีพระธัมมชโยนี้ จะทำให้เราจะถูกลิดรอนสิทธิมนุษยชนอย่างไร ผมก็อยากให้ทำความเข้าใจกับกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนในรัฐธรรมนูญ มาตรา กันก่อน ซึ่งระบุไว้ชัดเจนว่า ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพของความเป็นมนุษย์ ต้องได้รับการคุ้มครอง
 
 

         ในกรณีของพระธัมมชโยนี้ ถือว่าท่านถูกละเมิดศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์เต็มๆ (HUMAN RIGHTS) เพราะขณะที่ท่านกำลังป่วยหนัก กลับมีบางคนปฏิบัติกับท่านเหมือนท่านไม่ใช่คน คือ พยายามกดดันให้คนป่วยไปรับทราบข้อกล่าวหา ทั้งๆ ที่ก็เดินทางมาแจ้งที่วัดได้

     หากใครสักคนกำลังกระทำกับคนแก่ที่ป่วยหนักอย่างนี้ได้ แสดงว่า..คนนั้นไม่ได้มองว่าพระธัมมชโยเป็นมนุษย์ใช่หรือไม่ ? เพราะได้ปฏิบัติต่อบุคคลเหมือนสัตว์หรือสิ่งของ จุดนี้..ได้ชี้ให้เห็นว่าสิทธิมนุษยชนของพระธัมมชโยได้ถูกละเมิดแล้ว
 


นอกจากนี้ พระธัมมชโยยังถูกละเมิดความเสมอภาคในการใช้กฎหมายทั้งๆ ที่ทุกคนมีสิทธิ์ใช้กฎหมายในบรรทัดฐานเดียวกัน

ในเมื่อพระธัมมชโยป่วย ซึ่งปกติต้องได้รับสิทธิ์ของคนป่วยโดยชอบธรรม แต่กลับไปลิดรอนสิทธิ์ของท่าน  เพราะตามกฎหมายมาตรา 7/1 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อนุ 4 สรุปความว่า ผู้ต้องหามีสิทธิ์ได้รับการรักษาพยาบาลโดยเร็วเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย
 
 
          แต่กรณีนี้ พระธัมมชโยยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหาสักหน่อย เป็นแค่ผู้ถูกกล่าวหา แต่กลับไปลิดรอนสิทธิ์ในการรักษาพยาบาลของท่าน แถมยังไปบังคับท่านให้ไปรักษายังโรงพยาบาลของรัฐ ทั้งๆ ที่กฎหมายเขาก็ไม่ได้ระบุหรือบังคับให้รักษาที่ไหนเลย อย่างนี้ ถือเป็นการละเมิดความเสมอภาคในการใช้กฎหมาย..ใช่หรือไม่ ???



คือ ตามสิทธิมนุษยชนแล้ว เราจะปฏิบัติต่อคนป่วยเหมือนคนที่ไม่ป่วยไม่ได้ เช่น ถ้าพ่อแม่แก่ๆ หรือลูกเรากำลังป่วยหนัก อยู่ๆ โดนใครก็ไม่รู้จะมาลากให้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาเรื่องรับของโจร โดยกระทำกับเขาเหมือนคนแข็งแรงปกติ อย่างนี้..ก็ถือว่าเป็นการละเมิดความเสมอภาคในการใช้กฎหมายเช่นกัน

มาถึงตรงนี้ บางคนอาจสงสัยต่อว่า ถ้าเดินทางมารับทราบข้อหาไม่ได้ แล้วจะต้องทำอย่างไร กรณีอย่างนี้ เจ้าหน้าที่ต้องเดินทางมาแจ้งข้อหาเองที่บ้าน หรือโรงพยาบาล ซึ่งจะขยายความในลำดับต่อๆ ไป

จากกรณี “ธรรมกายโมเดล” ที่ท่านถูกลิดรอนสิทธิ์นี้ ต่อไปอาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ให้คนในประเทศ เพราะขนาดพระระดับนี้ที่มีคนสนับสนุนมากยังถูกละเมิดสิทธิ์ขนาดนี้ ต่อไปชาวบ้านหรือสามัญชนธรรมดาๆ ก็ไม่ต้องพูดถึง แล้วถ้าอีกหน่อยพ่อแม่หรือลูกคุณกำลังป่วยหนัก หากมีขบวนการยุติธรรมมาลากไปรับทราบข้อหา ก็คงต้องไปแล้วล่ะครับ เพราะกลายเป็นบรรทัดฐานไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแล้ว !!!

ดังนั้น “อย่าเอาความไม่รู้กฎหมายของประชาชน มาเป็นช่องว่าง ทำร้ายประชาชนผู้ไม่ผิด”

 
 
จะเห็นว่า “ธรรมกายโมเดล” จะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ ซึ่งเราจะถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพลงไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว จนมารู้ตัวอีกที ก็คือประเทศไทยกลายเป็น“เผด็จการ” ไปแล้วใช่หรือไม่ ??? อยากให้ลองศึกษาร่างรัฐธรรมนูญล่าสุดดู แล้วค่อยมาตอบก็ได้  ไม่รีบครับ !!!
 

 
 

มาถึงตรงนี้ ผมว่าหลายคนคงไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้กฎหมาย จึงทำให้ต้องตกเป็นเหยื่อในการถูกลิดรอนสิทธิ์หลายๆ อย่างไป ดังนั้นผมอยากให้ทุกคนลองสังเกตในสิ่งที่ผมจะอธิบายต่อไปนี้ โดยหยิบยกกรณีที่พระธัมมชโยเจอ เผื่อเราจะได้เอาไว้เทียบเคียงกับสิ่งที่ต้องเจอในอนาคตบ้าง
 
 
#การใช้กฎหมายต้องพิจารณาถึงหลักการได้สัดส่วนในการออกคำสั่ง 3ข้อ คือ...

1) หลักแห่งความสัมฤทธิ์ผล

          ถ้า DSI มีจุดประสงค์เพื่อต้องการแจ้งข้อกล่าวหากับพระธัมมชโยจริงๆ อย่างบริสุทธิ์ใจ โดยไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง ทำไมไม่มาแจ้งที่วัด เพราะตามกฎหมายนั้นการแจ้งข้อกล่าวหาจะแจ้งที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปแจ้งที่ DSI ซึ่งถ้า DSI ยอมมาแจ้งที่วัดแต่แรก ก็สัมฤทธิ์ผลง่ายรวดเร็วและเสร็จไปนานแล้ว

แต่การที่ DSI ไม่ยอมมาแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่า พระธัมมชโยป่วยจริง เพราะ DSI เคยมาพบพระธัมมชโยที่วัดและเห็นอาการป่วยของท่านกับตาตัวเองเมื่อครั้งก่อน แล้วเป็นผู้แถลงกับผู้สื่อข่าวเองว่าท่านป่วยจริง


 
 

จากการกระทำตรงนี้เอง เท่ากับสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้สังคม อีกหน่อยใครป่วยปางตาย..ก็ต้องลากสังขารไป DSI งั้นหรือ ทั้งๆ ที่เขาก็มีกฎหมายให้สิทธิ์แก่คนป่วยแล้ว

ตรงจุดนี้เอง นักกฎหมายที่นั่งคุยกับผมเขาชี้จุดว่า “หากฝ่ายปกครองมีจุดมุ่งหมายในใจที่จะใช้มาตรการที่ออกมาเป็นเครื่องมือในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดผลอย่างอื่น นอกเหนือไปจากผลที่กฎหมายให้อำนาจแก่ฝ่ายปกครองประสงค์จะให้เกิดขึ้นถือว่าเข้าข่ายการใช้อำนาจโดยมิชอบ

2) หลักแห่งความจำเป็น

สาระสำคัญหัวข้อนี้มีอยู่ว่า..ถ้ามีมาตรการอื่นที่มีผลกระทบน้อย และสามารถทำให้บรรลุวัตถุประสงค์นั้นได้ ก็ให้ใช้มาตรการนั้น

ตรงนี้จะเห็นได้ชัดว่า กรณีที่พระธัมมชโยป่วย ไม่สามารถไปรับแจ้งข้อกล่าวหาได้ แถมทางวัดก็เชิญ DSI แบบเชิญแล้วเชิญอีก

ขอถามว่า..ทำไม DSI ไม่ใช้มาตรการที่มีผลกระทบต่อสิทธิ์น้อยกว่าการออกหมายเรียก คือ แค่มาวัด ก็จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์หลักที่ต้องการมาแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ทำไมถึงเลือกมาตรการที่มีผลกระทบต่อสิทธิ์มาก โดยไปบังคับให้คนป่วยแก่ๆ ที่หมอห้ามเดินทางทรมานสังขารไปหา

 

ตรงจุดนี้ขอถามว่า DSI ต้องการให้พระธัมมชโยออกไปให้ได้เท่านั้นใช่หรือไม่ ?และถ้าพระธัมมชโยลากสังขารออกไปไม่ไหว ก็จะเป็นข่าวเพื่อให้เป็นมลทินใช่หรือไม่ ?และที่สำคัญ DSI ต้องการจะยื้อ เพราะต้องการออกหมายจับ เพื่อให้ดูเป็นอาชญากรแผ่นดินใช่หรือไม่ แล้วถ้า DSI จับได้ก็จะจัดการสึก เพื่อรวบรัดให้จบเร็วที่สุดใช่หรือไม่ แล้วเมื่อจับสึกได้ ก็เท่ากับล้มวัดพระธรรมกายได้แบบง่ายๆ โดยเสียต้นทุนน้อยที่สุดใช่หรือไม่ ???
      DSI กำลังอาศัยความไม่รู้กฎหมายของประชาชน ทำให้ประชาชน หลงเชื่อว่าพระธัมมชโยผิดใช่หรือไม่ ?

เพราะแม้ศาลจะจะยกฟ้องพระธัมมชโยในอนาคต แต่ก็ไม่อาจทำให้สิ่งที่เสียหายไปแล้วกลับคืนมาได้อยู่ดี ตรงนี้ขอถามว่า ใครจะรับผิดชอบครับ ? สิ่งนี้ใช่เจตนาที่แท้จริงของ DSI ใช่ไหมครับ ???
 
 
         ทำไม..ต้องทำกับพระแก่ๆ ที่ป่วย และไม่คิดหนี เหมือนท่านไปฆ่าคนทั้งแผ่นดินมาล่ะครับ ?

3.หลักการได้สัดส่วนในความหมายอย่างแคบ

หลักข้อนี้มีอยู่ว่า หากรัฐมีนโยบายในการดำเนินงานใดๆ  ที่ส่งผลต่อการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนแล้ว รัฐจะต้องพิจารณาถึงความสมดุลระหว่างประโยชน์ที่ได้รับกับความเสียหายของเอกชนด้วย

จากหลักตรงนี้เอง การที่ DSI พยายามกดดันให้พระธัมมชโยออกไปรับทราบข้อกล่าวหาให้ได้นั้น  ถ้าพระธัมมชโยเป็นแค่คนธรรมดาๆ ก็จะไม่มีผลกระทบต่อมวลชนมากนัก แต่ความเป็นจริงแล้ว ท่านเป็นถึงผู้นำองค์กรทางพระพุทธศาสนาที่มีคนจำนวนมหาศาลศรัทธาอยู่ทั่วโลกจำนวนหลายแสน

ดังนั้นการที่ DSI กระทำเช่นนี้ นอกจากเป็นการละเมิดสิทธิ์ของพระธัมมชโยแล้วยังเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพ และทำร้ายจิตใจมวลชนจำนวนมหาศาลด้วยใช่หรือไม่ ???

อีกทั้งการออกมาตรการดังกล่าว หากทำได้ก็จะเกิดบรรทัดฐานในการใช้อำนาจละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมหาชนเลย

จากกรณีศึกษา “ธรรมมกายโมเดล” นี้ หากจับพระธัมมชโยเข้าคุกได้ บรรทัดฐานของสังคมไทยเราจะถึงจุดเปลี่ยนในทันที

          และด้วยเหตุนี้เอง การที่คนจำนวนมหาศาลมาวัดพระธรรมกายในช่วงนี้  ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะทุกคนมารวมกันเพื่อ “ปกป้องสิทธิมนุษยชน” ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อตัวเอง มาปกป้องสิทธิ์ของตัวเองในอนาคต เพราะถ้าทำกับพระธัมมชโยได้ ทำกับสมเด็จช่วง วัดปากน้ำได้ อีกหน่อยคนธรรมดาๆ อย่างเราก็คงจะไม่เหลือ และเราก็ไม่อยากให้ “คุณ” และ “ลูกหลานของเราในอนาคต”โดนละเมิดสิทธิเป็นรายต่อไป...
 
 
ดังนั้น ณ จุดนี้ ควรหรือไม่ ที่เราจะออกมาปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทั้งประเทศด้วยกันครับ

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ชี้แจง กรณีการรับทราบข้อกล่าวหา ของพระเทพญาณมหามุนี(หลวงพ่อธัมมชโย) วันนี้ (26 พ.ค.2559) จากเดิมที่ทีมทนายแจ้งว่า พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง ณ สภ.คลองหลวง นั้น

ชี้แจง กรณีการรับทราบข้อกล่าวหา ของพระเทพญาณมหามุนี(หลวงพ่อธัมมชโย)
วันนี้ (26 พ.ค.2559) จากเดิมที่ทีมทนายแจ้งว่า พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง ณ สภ.คลองหลวง นั้น วัดพระธรรมกายขอชี้แจง ดังนี้
1. วัดพระธรรมกายขอยืนยันในความบริสุทธิ์ของหลวงพ่อธัมมชโย
2. หลวงพ่อธัมมชโย ยินดีปฏิบัติตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งได้กระทำมาโดยตลอด
3.แม้ยังมีอาการอาพาธหนัก หลวงพ่อธัมมชโย ก็ยินดีให้ความร่วมมือกับทางราชการ แต่เนื่องจากขณะกำลังเคลื่อนย้ายจากเตียงผู้ป่วยเพื่อขึ้นรถพยาบาล ท่านได้เกิดอาการอาพาธระหว่างการเคลื่อนย้าย โดยมีอาการลมตีขึ้น เวียนศรีษะ หน้ามืด เป็นลม จึงไม่สามารถไปรับทราบ ข้อกล่าวหาตามเวลาที่แจ้งไว้ในเบื้องต้นได้
จึงเจริญพรมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส
ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย
26 พฤษภาคม 2559 เวลา 15.30 น.
---------------------------------
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ : โทรศัพท์ 02-831-1721 ถึง 3, มือถือ 080-557-1588

วันพุธที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Huffington Post สำนักข่าวใหญ่ บอกสหกรณ์ฯยืนยันคดีหลวงพ่อจบไปแล้ว และตั้งข้อสงสัยขั้นตอนการทำงานของ DSI

Huffington Post สำนักข่าวใหญ่
บอกสหกรณ์ฯยืนยันคดีหลวงพ่อจบไปแล้ว
และตั้งข้อสงสัยขั้นตอนการทำงานของ DSI

Prosecution of Buddhist Monk Sparks Global Protests
http://www.huffingtonpost.com/nicholas-liusuwan/prosecution-of-buddhist-m_b_10122666.html

huffingtonpost.com เป็นองค์กรข่าวที่ใหญ่โตมาก มีผู้ติดตามอ่านน่าจะหลายล้าน ออกข่าวหลายภาษา ดูรายละเอียดใด้ที่
https://en.m.wikipedia.org/wiki/The_Huffington_Post

ช่วยกัน share บน facebook ก้นให้เยอะๆ

Prosecution of Buddhist Monk Sparks Global Protests


Nicholas LiusuwanBlogger, Buddhist American, Writer, Spiritual Observer, Meditation Enthusiast



2016-05-24-1464127994-686234-1013.png
Venerable Dhammajayo receiving treatment at Wat Phra Dhammakaya’s special care unit.
The ongoing prosecution of Venerable Dhammajayo, a Thai monk and the abbot ofWat Phra Dhammakaya, the largest Buddhist temple in Thailand, has brought forth a wave of protests from supporters across four continents. Venerable Dhammajayo, also known as Phrathepyanmahamuni, stands accused of money laundering and receiving stolen property by the Thai Department of Special Investigation (DSI). Several years ago he had received donations from Supachai Srisupa-aksorn, the former chairman of Klongchan Credit Union Cooperative (KCUC). Allegations against Wat Phra Dhammakaya arose when it was alleged that Srisupa-aksorn had embezzled more than 12 billion Thai baht from the credit union and some of the checks, totaling 684 million baht, from this offense had been traced back to Wat Phra Dhammakaya. The rest of the money, all in checks, were traced to numerous other organizations, including other temples.
Supporters of the abbot from around the world protested the charges, they state it is ridiculous to charge somebody for receiving a donation that was later found out to be questionable. They base this on the fact that the temple receives donations in the open public, en masse, among a crowd of thousands of donors. They say doing so would make any non-profit vulnerable to tainted donations and that it is not appropriate for temples to ask donors about the source of their donations.
Protesters state the money laundering charges are also groundless since the donation was transparent and there was no evidence of concealing the money trail, which they say is proof the temple did not know the donations were embezzled. The protesters also believe that DSI has been unfairly focusing solely on the abbot, even though the temple only received about 5% of the illicit funds involved in the scandal.
2016-05-24-1464129817-1138970-1.jpg
The first known protest outside of Thailand was on May 10th, 2016. Buddhist protesters in Los Angeles, California assembled in front of several news stations and local landmarks to picket what they say are unjust accusations. They were featured on KABC channel 7’s breaking news segment at 11:00 AM. The protesters stated their intention was to raise international awareness of the unfair case.
2016-05-24-1464128032-5296695-2.jpg
Dhammakaya supporters across the globe have gathered in front of major landmarks and public areas the past few weeks in similar protests, including in the United Kingdom, France, Australia, Hong Kong, Germany, Thailand, and other major American cities including New York City and Seattle.
2016-05-24-1464128551-8726467-6.jpg
The protesters claim that Ven. Dhammajayo has been wrongly accused and are picketing to show support for the embattled monk. The abbot admits to receiving the illicit donations but claims he did not know where it came from as the checks were received in the open public among a crowd of donors. Temple officials have also stated the illicit checks were handled entirely by the temple finance department, independent of the abbot.
2016-05-24-1464128122-8169895-31.jpg
Devotees of Wat Phra Dhammakaya set up an emergency fund to return the equivalent of Srisupa-aksorn’s illegal donations to KCUC once they were made aware that the donations were linked to the crime. As the illicit donation was already spent by the temple on public projects several years ago. KCUC initially filed a complaint with DSI against Ven. Dhammajayo, but have since dropped all allegations and issued a letter of appreciation to the temple supporters in response.
2016-05-24-1464128348-9944641-4.jpg
The Thai Department of Special Investigation (DSI) is still pursuing the abbot despite the return of the money, to the protest of supporters who worked to return the funds to KCUC and those who say the case is groundless. Representatives of the credit union also went on Thai TV to state that they no longer support the caseagainst the abbot.
2016-05-24-1464128901-3670631-5.jpg
The accusations against Ven. Dhammajayo has caused not just protests, but also submissions of numerous petitions to various organizations about the issue, including Amnesty International; the governments of Sri Lanka and India; and Thai Consulates in Sweden, India and the United States. Freedom Watch Internationalwas also formed in response to the case and has made a plea for justice for the abbot.
2016-05-24-1464129149-7145888-7.jpg
The case hit a boiling point on May 17th, 2016 when DSI was issued a warrant by the court to arrest Ven. Dhammajayo for failing to report for a summons on May 16th, 2016. DSI has since declared that the abbot has until May 26th to turn himself in before they consider making an arrest. Representatives of the abbot had previously requested on May 14th, 2016 that the meeting be moved to Wat Phra Dhammakaya’s special care unit due to complications from Venerable Dhammajayo’s chronic illnesses. This was supported by a panel of doctors who attested the abbot should not travel long distances. DSI refused the request and sought a warrant when the abbot didn’t appear for the summons.
2016-05-24-1464129588-7786455-8.jpg
The recent actions of DSI sparked greater outcry from Dhammakaya supporters who questioned why DSI didn’t grant the request or send their own doctor to verify the abbot’s condition. According to a Dhammakaya press release held on May 14th, 2016—temple officials did indeed offer to allow DSI to appoint its own doctor to examine the abbot, an offer they refused.
A Thai news anchor questioned the Deputy-General of DSI on the Thairath TV show “Tam Trong Trong (Direct Questions) with Jomkwan” aired on May 18th, 2016, at 7pm UTC, about sending an independent physician to verify the abbot’s condition.
In the exchange, the Deputy-General stated DSI would not send a physician to verify the abbot’s condition and declined to answer why. This sparked more outcry among Dhammakaya supporters who claim the exchange proves DSI has knowingly acted unlawfully.
DSI’s recent and controversial decision to arrest Venerable Dhammajayo actually led to the start of a petition to The White House on May 18th 2016. “Because DSI has ignored the rights of ill defendants for reasonable accommodation, we believe the Thai DSI has acted unlawfully and in gross violation of patient and human rights”, it reads.
A temple official had stated that the petition was started independently by a US citizen who attended an affiliated temple in the United States.
News Source: Newswire.com

Original story and all photos from Freedom Watch International.
**Disclaimer: This news story is originally from a press release from Freedom Watch International given via Newswire. Freedom Watch International has given the author express permission to pick up the story and write this article for Huffington Post.**

วิดีโอสั้นๆ 1:39 นาที ชวนคนมาลงชื่อใน White House petition ช่วยหลวงพ่อค่ะ ช่วยกัน share ไปยังเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติค่ะ

วิดีโอสั้นๆ 1:39 นาที ชวนคนมาลงชื่อใน White House petition ช่วยหลวงพ่อค่ะ ช่วยกัน share ไปยังเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติค่ะ
Please watch this short 1:39 min video about Most Venerable Dhammajayo, and consider signing our White House petition. Please share widely...Thanks so so much!

On May 17th, 2016 Thailand’s Department of Special Investigations (DSI) issued an arrest warrant for Ven. Dhammajayo, the abbot of Thailand’s largest buddhist temple. This warrant is grounded on the abbot not appearing for a summons in a controversial case in which many people say he is wrongfully accused. However, the abbot did not ignore the summons but simply requested that DSI interview the abbot at the temple due to doctor verified life-threatening medical illnesses, a basic human right in which he was refused. Because DSI has ignored the rights of ill defendants for reasonable accommodation, we believe the Thai DSI has acted unlawfully and in gross violation of patient and human rights. We respectfully request the White House to look into this issue and condemn this violation.
https://youtu.be/6pVozcEueX0

สาวน้อยคาทรินา เกวลิน ส่งจดหมายขอจัดกิจกรรมรณรงค์ ลงนามยื่นเอกสารถึงประธานาธิบดีบารัค โอบามา เพื่อขอความเป็นธรรมให้หลวงพ่อธัมมชโย

เรียน คุณครู Chapman

        ดิฉันชื่อ คาทริน่า  เกวลิน เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในชั้นเรียนวิชาชีววิทยาที่คุณครูรับผิดชอบสอนในปี ค.ศ. 2012 ถึงปี ค.ศ. 2013 ดิฉันเขียนจดหมายถึงคุณครูด้วยความหวังว่า คุณครูจะอนุญาตให้มีการใช้เวทีซึ่งอยู่ในพื้นที่บริเวณโรงอาหารในวันใดวันหนึ่งอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  ทั้งนี้ วันที่ดิฉันเห็นว่าเหมาะสม คือวันพฤหัสบดีที่ 26 ที่จะถึงนี้

     ตอนนี้มีสถานการณ์บางอย่างเกิดขึ้นในประเทศไทยซึ่งเกี่ยวข้องกับรัฐบาล กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI และวัดซึ่่งดิฉันให้ความศรัทธา สถานการณ์ที่ว่านี้ คือ พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสของวัดดังกล่าว รวมทั้งวัด และการดำเนินการต่าง ๆ ของวัดซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดสันติภาพโลกกลับถูกกล่าวหาในข้อหาที่ไม่มีมูลความผิดตามกฎหมาย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นผู้นำสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นบุคคลที่มีความสงบ สันโดษ เป็นผู้ที่สนับสนุนให้เกิดสันติภาพโลกอย่างเข้มแข็งที่สุด สำหรับเรื่องการสนับสนุนให้เกิดสันติภาพโลกนี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อให้ชาวโลกทั้งหลายได้มีโอกาสในการเรียนรู้ถึงหลักธรรมคำสอนตามแนวทางของพระพุทธศาสนาให้แก่ผู้ที่ให้ความสนใจ
      ดิฉันมีความเชื่อมั่นและมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า การกระทำต่าง ๆ ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนั้น ไม่มีส่วนในการสร้างความเดือนร้อนและทำอันตรายใด ๆ ให้แก่สรรพชีวิตในโลกนี้อย่างแน่นอนนั่นเป็นเพราะว่าที่ผ่านมาท่านได้ทุ่มเทและช่วยเหลือในการสร้างสันติภาพให้แก่โลกนี้มาโดยตลอด และท่านก็ยังเป็นต้นแบบในการทำความดีและในการดำเนินชีวิตของดิฉันตั้งแต่ดิฉันจำความได้อีกด้วย ณ ตอนนี้ อาจกล่าวได้ว่า เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความรุนแรงเป็นอย่างยิ่งและจำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที และเพื่อเป็นการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว

     วัดสาขาวัดหนึ่งของวัดพระธรรมกาย คือวัดพระธรรมกายอซูซ่า ได้ตัดสินใจยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อทำเนียบขาว เพื่อให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อในประเทศไทยมีการสื่อสารข้อมูลไปยังประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา  และเพื่อที่จะให้เราได้รับการช่วยเหลือจากทำเนียบขาวในการเข้ามาเยียวยาแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในการนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้ลงชื่อร้องเรียนเป็นจำนวนหนึ่งแสนคนภายในวันที่ 16 มิถุนายน 2016  ซึ่งขณะนี้เรามีรายชื่อผู้ร้องเรียนเพียงสองหมื่นหกพันคนเท่านั้น เป้าหมายของดิฉันจึงประสงค์จะใหมีรายชื่อผู้ร้องเรียนเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 300 คน จากโรงเรียนของเรา

      และเนื่องด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ ที่บีบรัด และกำหนดเวลาในการลงชื่อร้องเรียนก็ใกล้ถึงกำหนดเข้ามาทุกขณะ  ประกอบกับได้มีการประกาศจับพระเดชพระคุณหลวงพ่ออย่างเป็นทางการจากภาครัฐในวันพฤหัสบดี ขณะนี้พวกเราอยู่ในช่วงเวลาที่ประสบกับปัญหาและความยากลำบาก ป็นอย่างยิ่ง  แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ดิฉันก็จะไม่ละทิ้งความพยายาม แม้จะเป็นเพียงแค่นักเรียนชั้นธยมศึกษาตอนปลาย แต่ดิฉันก็มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะช่วยพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้พ้นจากสถานการณ์อันลวร้ายนี้เท่าที่ดิฉันจะสามารถกระทำได้โดยไม่มีข้อแม้และเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้นสำหรับดิฉันในการดำเนินการดังกล่าว  
         เพื่อการนี้ ดิฉันจึงมีความประสงค์ที่จะขอใช้เวทีในวันพฤหัสบดีช่วงเวลาของการรับประทานอาหารกลางวัน  และหากทางโรงเรียนและคณะกรรมการบริหารโรงเรียนไมขัดข้องใด ๆ ดิฉันประสงค์จะขอให้ทางโรงเรียนโปรดอำนวยความสะดวกในเรื่องเครื่องเสียงให้แก่ดิฉันด้วย  
       นอกจากนี้ ดิฉันจะได้จัดทำโปสเตอร์ที่มีข้อความว่า สันติภาพโลก โปรดช่วยพิทักษ์วัดของเรา พิทักษ์ประเทศไทย ด้วยการลงชื่อยื่นคำร้องถึงทำเนียบขาว โดยจะนำโปสเตอร์ดังกล่าวไปติดไว้ที่โรงอาหาร และประตูภายนอกด้วย  ดิฉันได้จัดเตรียมเอกสารจำนวน 300 ชุด เพื่อบอกเล่าถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งประกอบไปด้วยช่องรายชื่อจำนวนเพียงพอสำหรับบุคคล 300 คน  และจะได้นำโต๊ะมาตั้งไว้บริเวณหน้าเวทีเพื่อจัดวางเอกสารและป้ายสัญลักษณ์ต่าง ๆ อย่างไรก็ดี เพื่อเป็นการสร้างความสนใจและจูงใจบุคคลในบริเวณโรงอาหาร 
      ดิฉันขอแจ้งว่าดิฉันจะมีการแสดงเพื่อดึงดูดความสนใจดังกล่าวด้วยการร้องและเต้น ซึ่งได้เตรียมรายชื่อเพลงเสนอมาเพื่อพิจารณาด้วยแล้ว  ทั้งนี้ ดิฉันขอสัญญาว่า จะไม่มีการใช้คำพูดหยาบคายหรือคำพูดยั่วยุที่ก่อให้เกิดความรุนแรงแต่อย่างใด  ดิฉันตระหนักเป็นอย่างดีว่า ช่วงเวลาที่ขออนุญาตนี้เป็นช่วงเวลาที่มีกำหนดการอื่นกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว  อย่างไรก็ดี เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความฉุกเฉินและเร่งด่วนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงถึงชีวิต  ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน

      ในการนี้ ดิฉันได้แนบลิงค์ของการยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมถึงทำเนียบขาวมาด้วยแล้ว หากมีความเป็นไปได้ ดิฉันอยากร้องขอให้มีการเผยแพร่ลิงค์ดังกล่าวนี้ออกไปยังช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ  สุดท้ายนี้ ถือเป็นความกรุณาย่างยิ่งที่ท่านจะได้โปรดอนุญาตให้ใช้เวทีในวันและเวลาดังกล่าว

    สามารถติดต่อดิฉันได้ทางอีเมล์นี้หรือจะโทรศัพท์เพื่อพูดคุยกับดิฉันเป็นการเฉพาะตัวก็ได้

ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง คุณครู Chapman
ด้วยความเคารพ
นักเรียนของคุณ

Dear Mrs. Chapman,
    My name is Katrina Kaevalin and I am a senior who was in your biology class in 2012-13. I am writing to you in hopes you will allow me to borrow the stage in the cafeteria briefly on any day as soon as possible, preferably Thursday, the 26th.
    There is a situation in Thailand regarding their government and DSI and my temple. Our venerable Dhammajayo, the temple's CEO and head monk, is being wrongly accused of false claims about him, his temple, and innocent actions promoting world peace. He is a religious leader, a peaceful individual, and a strong advocate for human rights.  He uses all of his power to help benefit the people in need all around the world while teaching Buddhism as an offered way of life to those who seek it. He is in no way of any harm to our world, and has been my idol since birth. He has helped his community as much as he could, and now he is in dire need of help, as well.
    One of our branches in Azusa has decided to make a petition to make this situation known in the White House. To reach the House, we need 100,000 signatures, and there is a deadline on June 16th. We are currently at 26,000, and my goal is to gain at least 300 from our school.
    Although the deadline is quite soon, the arrest is actually taking place officially on Thursday... We are all troubled, however I refuse to give up hope. I am only a high school student, but I want to do as much as I can to be of some help to him. There are no boundaries for me to help a hero. I ask to borrow the stage on Thursday at lunch time, and if it is not a problem, I hope ASB or my choir director can provide me with the sound equipment. This includes 2 speakers, a microphone, and an aux cord. I will be making posters saying "World Peace", "Save our temple", "Save Thailand", Sign this petition", and I hope to locate these posters in the cafeteria and outside its doors. I have printed out the papers with information about the situation and the petition list with 300 spaces provided. I will set up a table next to the stage to place those papers and signs, and with all the courage I can gain, I will be singing and dancing to gain attention to this matter on stage. I have my music list as well. And I promise you there will be no foul language. I understand there are already other events going on on our campus at lunch, however, this matter is very urgent and involving a life or death situation, and I need to act as rapidly as possible.
    Also, here is the link to the petition. If available to, please spread the word, too, or re-post on social media. Although, it is already a major help to be able to use the stage. Human Rights Violation: Plea for Justice for Ven. Dhammajayo, Denied Reasonable Accommodation as a Defendant | We the People: Your Voice in Our Government


    Please contact me through this email as soon as you can, or you can call me in to talk personally, as well.
Thank you so very much Mrs. Chapman.
Sincerely,
Your student
Katrina Kaevalin
Student # 812546

P.S.- Your the best!